มุมมองพระ
เห็นผู้หญิงนิดเห็นผู้หญิงหน่อย อารมณ์ความกำหนัดในส่วนรูปร่างกายเขา
ก็วิ่งมาโชว์ที่จิต แล้วก็ดับหายไป.....อย่างเร็ว
ก็มาพิจารณา "เราปราบกิเลสตัวที่จะพาสึกออกไปครองเรือนยังไม่ได้หรือเนี๊ย
แสดงว่าอสุภะกัมฐานที่เคยอบรมจิตมา มันยังไม่พอ ถ้าพอมันคงจะวางเฉยต่อรูปร่างกายของผู้หญิงทั้งหลาย
ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว เราจะไม่ยอมให้ตนเองถูกกิเลสหลอกให้สึกไปเป็นผัวเขาไปเป็นขี้ข้าเขา ไปเลี้ยงควายทำไร่ทำนากินหญ้าตามตูดเขา
มีแต่ทุกข์กับทุกข์ "กิเลสตัวนี้มันพรากพรหมจรรณ์ของพระหนุ่มหลายองค์แล้วให้เวียนไปสู่เพศหีโนคือเพศต่ำเป็นของชาวบ้าน ไม่เว้นแม้แต่พระเถระก็โดนมันคาบไปกิน
"กามราคะนี้มันยังไม่หมดหนอ เมื่อก่อนเคยคิดว่ามันหมดไปแล้วไม่มีแล้ว ใกล้สำเร็จเป็นพระอนาคามีแล้ว แต่เมื่อกี้มันโชว์ให้ดูจะๆเลย
ไม่ใช่อนาคามีแล้ว โดนอวิชชามันปรุ่งสังขารทิฐิมาตบกระโหลก ว่าเป็นอนาคามีแล้ว
เป็นอนาคามีแล้ว เป้นอนาคามีแล้ว
มันจะเป้นได้ยัง ในเมื่อ รูป เสี่ยง กลิ่น รส สัมผัส มากระทบทางทวารทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย มันยังมี(ฉันทราคะ)ความพอใจ ความไม่พอใจ(ปฏิฆะ) มาปราฏกให้รู้อยู่
เราได้บทเรียน จากความหลง
เรายอมรับยอมเชื่อมั่นอย่างแนบแน่นมานนานโดนกิเลสมันหลอกอยู่นานเลย
มิน่าละ ในสมัยพุทธกาล ถึงได้มีเรื่องราวภิกษุสำคัญตนว่าบรรลุอรหันต์ แล้วประกาศตนว่า
บรรลุอรหันต์ ทั้งที่ยังไม่ได้บรรลุ แต่แล้วภายหลังกิเลสได้ผุดขึ้นมา จึงได้รู้ว่าตนยังไม่บรรลุอรหันต์ตามที่ประกาศ
ธรรมะบันดาลสู้กิเลสต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น