ถาม:ไม่ได้ไปให้ทานด้วยมือของตนเอง
.ถาม:ไม่ได้ไปให้ทานด้วยมือของตนเอง
แต่ตนเองเป็นคนจัดเตรียมทำกับข้าวหรือสิ่งของอาหารต่างๆ เพื่อ
ให้แม่นำไปทำบุญถวายพระ เราจะได้บุญไหม หรือได้เท่าแม่หรือไม่
่
ตอบ: บุญมันอยู่ที่ใจ ถ้าเราลองนึกถึงบุญที่เคยทำมา
แล้วมันรู้สึกเย็นใจสบายใจ พองๆขยายรู้สึกเอิบอิ่ม ชื่นเย็น
หรือถึงกับปิติขนลุก อันนี้แหละคือบุญเกิดขึ้นแล้วทางใจ
ส่วนเรื่องได้บุญเท่าแม่ไหม
ต้องมาดูกันที่จิต ว่ามีเจตนาอย่างไรตอนนั้น ถ้ามุ่งเพื่อให้สำเร็จประโยชน์ก
ับแม่ เช่นทำกับข้าวหรือเตรียมอาหารให้แม่เฉยๆ แค่นี้..!! เจตนาก็สิ้นสุดเ
พียงแค่นั้น จบ !
คุณจะได้บุญน้อยกว่าแม่"
แต่คุณจะได้บุญในส่วนได้ให้ทานกับแม่ ซึ่งได้มากกว่าทานกับเดรัจฉาน
และวิบากกรรมของคุณเป็นไปทาง จะมีผู้สนับสนุนให้คุณไปทำทาน
ทำหรือให้คุณต้องทำบุญ
คล้ายๆเหมือนที่คุณทำกับแม่ ที่ทำอาหารเตรียมของเพื่อให้แม่ไป
ใส่บาติถวายพระ มันจะออกมาคล้ายๆกันอย่างนี้
ถือว่าเป็นวิบากกรรมด้านดี
ถ้าเกิดชาติใหม่ ก็จะมีผู้บอกคุณให้ไปทำบุญ
เหมือนอาตมา เคยบอกลักษณะให้คนชักชวนคนให้ภาวนา
พอมาเกิดชาติใหม่ แม่อาตมาบอกให้สวดมนต์ภาวนาตั้งแต่เด็กทุกวัน"
อันนี้ก็คือกรรมดี
"แต่ถ้าคุณ ทำกับข้าวหรือเตรียมอาหารให้แม่
เพื่อให้แม่นำไปถวายพระ
เจตนาของคุณยังไม่หยุดแค่ทำทานกับแม่ แต่เจตนายังพุ่งไปต้องให้ถึงพระ
จึงหยุดและคลายออก
"อันนี้คุณได้บุญมากเพราะเจตนามันถึงพระ ถ้ามุ่งเจตนาให้สงฆ์นี่ยิ่งได้ม
ากกว่าเดิมอีก
ดูอย่างอุทิศบุญ บางที่ต้องกล่าว ฝากเทวดาไปบอกผู้ล่วงลับไปแล้ว
ทันทีที่บอกเทวดา เทวดาก็เห็นพลังงานบุญพลังความสว่าง เขาก็รับเอาไม่ไ
ด้
เพราะ"เจตนาของเราต้องการให้ผู้ล่วงลับ แต่ฝากเทวดาไปบอก"
คล้ายๆกันไหม
: และอีกกรณีหนึ่ง
เศษฐีใช้ให้คนใช้ทำกับข้าวไปใส่บาติตอนเช้ากับพระทุกวัน
พอเศษฐีตายลงก็อยู่สวรรค์ชั้น๑.
แต่ลูกน้องคนที่ทำกับข้าวและไปใส่บาติตายแล้วไปอยู่ชั้น๒.
เพราะเศษฐีไม่เลื่อมใสในทาน
แต่คนใช้นั้นมีศรัทธาเลื่อมใสในทาน จึงอยู่ชั้น๒.สูงกว่า"
และอีกกรณีหนึ่ง หัวหน้าพวกเจ้าลัทธิปริพาชก
นิมนต์พระพุทธเจ้าให้ไปฉันเช้าในวันพรุ่งนี้
หัวหน้าเจ้าลัทธิจึงบอกลูกน้องว่า
อาหารสิ่งใดที่พวกท่านจะนำมาให้เรากินในวันพรุ่งนี้ อาหารนั้นควรเป็
นอาหารที่พระโคดมฉันได้ด้วยนะ
พอถึงวันพรุ่งนี้แล้ว
หัวหน้าปริพาชกก็นำอาหารที่ลูกน้องทานให้แก่ตนเอง แล้วนำไปทานให้พ
ระพุทธเจ้า
หัวหน้าปริพาชกจึงพูดว่า อาหารที่ข้าพระเจ้าถวายทานให้แก่พระโคดม
ขอผลอานิสงค์นี้จงสำเร็จแก่ลูกน้องของข้าพระเจ้าเถิด
พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบว่า
:ลูกน้องท่านที่ถวายทานกับท่านั้น
ได้บุญอานิสงค์น้อย เพราะท่านยังไม่หมด ราคะโทสะโมหะ
แต่อาหารที่ลูกน้องถวายมาให้ท่าน เป็นสิทธิ์ของท่าน ท่านถวายให้เราต
่อ ท่านย่อมได้บุญได้อานิสงค์มาก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ หมด ราคะ
โทสะ โมหะ
"ก็ขอให้ไปพิจารณาเจตนาของ ลูกน้องปริพาชก ว่า หยุดที่ใคร"
# เรากล่าวว่าเจตนานั่นแหละคือตัวทำกรรม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น