เวลาจะไปอาบน้ำเราจะรู้สึกว่าต้องพามันไป
เวลาจะไปอาบน้ำ
เราจะรู้สึกว่าต้องพามันไป
รู้สึกว่ามันเป็นพาละอย่างหนึ่ง
ต้องพามันทำ ต้องสั่งต้องพามันไปอาบ
แสดงว่าโดยลึกๆของจิตใต้สำนึก
จิตเรามันก็รู้อยู่แล้วว่า ต้องสั่งมัน ต้องพามันต้องพาไปอาบน้ำ
คล้ายๆเหมือนเราต้องเข็น
เข็นรถเข็นในห้าง
รู้สึกว่าต้องเข็นเอา
เหมือนกับร่างกายต้องพามันไป
และเรื่องอื่นๆอีกที่เราจะรู้สึกว่า ร่างกายมันไม่ได้ดั่งใจเลย
เช่น อยากให้สิวมันหายไป อยากหน้าเกลี้ยงๆมลๆ ตาตี๋ๆโตๆ
อยากให้ขามันเรียวๆ
อยากมีแขนขาวๆ จมูกโด่งๆ
ทั้งๆที่ใจเรา อยากให้มันได้ดั่งใจตามนั้น
แต่มันก็ไม่ได้ ...
นี่ละ จิตใต้สำนึกมันเริ่มเห็นความจริงแว๊บๆ
"ร่างกายผิวหนังมันใช่ของกูจริงๆเปล่าวะ" ถึงจะรู้สึกไม่เด่นชัดเจนตลอดเท่าไร
แต่มันก็ได้เห็นแว๊บเดียวเหมือนสายฟ้าแล๊บ
ฟ้าที่แล๊บแป๊บๆแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
ถ้ามันรู้สึกเห็นแบบที่ว่ามาเมื่อกี เราโน้มจิตคิดพิจารณาไป
สืบสาวหาต้นต่อความจริง จะเห็นว่าร่างกายมันคนละส่วนกับเรานิ
เอ่อผิวหนังร่างกายมันก็มีอยู่จริงของมัน
แต่รู้สึกในๆว่า มันเป็นพาละอย่างหนึ่งให้ดูแล
บางครั้งก็ละเลย
นี่ก็คือใจเราเห็นแว๊บๆ มันกับเราคนละส่วน
แม้แต่กินเหล้า รู้สึกว่าต้องพามันไปกิน
จึงจะได้สัมผัสอารมณ์เมา
อยากเมา แต่ไม่ได้กินเหล้า มันไม่เมา
อยากมีเพศสัมพันธ์ก็ต้องพามันไปทำ
จึงจะได้ รู้สึกอารมณ์เพศขึ้นมา
มันก็เหมือนอยากเมาแต่ไม่ได้ไปกินเหล้ามันก็ไม่เมา
หรืออยากเดินห้างให้ดูสบายๆอารมณ์
สึกว่าต้องพามันไป ถึงจะได้เดิน
หรืออย่างเช่น อารมณ์ที่อยากจะเปิดเฟซบุ๊ก
เราลองตัดอารมณ์นั้นทิ้ง
เราไปทำอย่างอื่นแทน ที่ไม่นานแล้วค่อยกลับมาเปิด
ตอนที่เราตัดไปทำอย่างอื่น เราจะเห็นว่ามีความอิสระวะ หลุดออก
จากอารมณ์อยากเปิดเฟซได้
ใจมันสบาย.. เพราะได้ปล่อยอารมณ์
แต่วางได้ไม่นานก็ไปจับอารมณ์ใหม่
หมดอิสระ....
# เห็นอารมณ์มันปลี่ยนบ่อยๆ
หรือรู้สึกว่าร่างกาย มันคนละส่วนกับเรานิว้า
เป็นพาละแต่ก็ต้องเลี้ยงมัน
..
ถ้ามีความอย่างนี้ จะไปทางเจริญอย่างเดียว
ถึงจะทุศีลอยู่ก็ตาม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น