อกุศลกรรมบท 10 โดยพระอาจารย์มงคลชัย
อกุศลกรรมบท 10 นี้แล พาไปสู้นรก กำเนิดเดรัจฉาน หรือเปตรวิสัย
อย่างแท้จริง
แม้รักษาศีล แต่ก่อนตายหิว..!! ไปเป็นเปตรก็ยังมี ความหิวคืออภิชฌา
.. .. .. .. ... .. .. ... ... .... .... ... ... ... ...
๑.บุคคนบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำ ปาณาติบาติ
คือเป็นผู้มีปกติทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง หยาบช้า มีฝามือเปือนด้วยโลหิต
มีแต่การฆ่าและการทุบตี
ไม่มีความเมตตากรุณาเอ็นดูในสิ่งมีชีวิต อย่างนี้แล
๒.บุคคนบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ปกติถือเอาสิ่งของที่มีเจ้าของที่เขาไม่ไดให้
คือวัตถุอปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น ที่อยู่ในบ้านหรือในป่าก็ตาม เขาเป็น
ผู้ถือเอาของๆผู้อื่นด้วยอาการแห่งขโมย
อย่างนี้แล
๓.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำกาเมสุมิจฉาจาร คือประพฤผิดในหญิง
ซึ่งมารดารักษา บิดารักษา พี่น้องชายพี่น้องหญิงหรือญาติรักษา
อันธรรมรักษา หรือหญิงที่มีสามี หญิงที่อยู่ในสินไหม โดยที่สุดแม้หญิงอัน
เขามั่นไว้ (ด้วยการคลองพวกมาลัย) สวมแหวน
อย่างนี้แล
๔.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้กล่าววาจามุสาวาส คือเป็นผู้มีปกต
ิกล่าวเท็จ ไปสู่สภาก็ดี ไปสู่บริษัทก็ดี ไปสู่ท่ามกล่างหมู่ญาติก็ดี
ไปสู่ศาลาประชาคมก็ดี ไปสู่ราชสกุลก็ดี อันเขานำไปเป็นพยาน ถามว่า
"บุรุษผู้เจริญ ท่านรู้อย่างไร ท่านจงกล่าวไปอย่างนั้น ดังนี้
บุรุษนั้น เมื่อไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าเห็น เพราะเหตุตนเอง
เพราะเหตุผู้อื่น หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสสินจ้างไรๆ ก็เป็นผู้กล่าวเท็จ
ทั้งที่รู้อยู่ อย่างนี้แล
๕.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาปิสุณาวาส
คือเป็นผู้กล่าววาส่อเสียด เป็นผู้กล่าววาจาที่ทำคนสามัคคีให้แตกกัน
คือฟังจากฝ่ายนี้แล้วไปบอกฝ่ายโน้น เพื่อทำลายฝ่ายนี้ หรือฟังจากฝ่ายโ
น้นแล้วมาบอกฝ่ายนี้ เพื่อทำลายฝ่ายโน้น เป็นผู้ทำคนที่สามัคคีกันให้แตก
กัน หรือทำคนที่แตกกันแล้วให้แตกกันยิ่งขึ้น พอใจ ยินดี เพลิดเพลินในการ
แตกสามัคคีกัน อย่างนี้แล
๖.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาผรุสสาวาส คือเป็นผู้กล่าว
วาจาหยาบ อันเป็นวาจาหยาบคาย กล้าแข็ง แสบเผ็ดต่อผู้อื่น
กระทบกระเทียบผู้อื่น
แวดล้อมอยู่ด้วยความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อให้จิตใจสงบ เขากล่าวอย่างนี้แล
๗.บุคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาสัมผัปปลาปวาส คือเป็นผู้มีวาจ
าเพ้อเจ้อ คือกล่าวไม่ถูกกาล
ไม่กล่าวตามจริง กล่าวไม่อิงอรรค ไม่อิงธรรม ไม่อิงวินัย เป็นผู้กล่าววาจา
ไม่มีที่ตั้งอาศัย ไม่ถูกกาละเทศะ ไม่มีจุดจบ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
เขากล่าวอย่างนี้แล
๘.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีจิตอภิชฌา คือมีความโลภอยากได้ของๆผู้
อื่นมาเป็นของตน คือวัตถุอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น สิ่งใดเป็นของผู้อื่น สิ่งนั้นจง
เป็นของเรา
เขามีจิตคิดอย่างนี้แล
๙.บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นมิจฉาทิฐิ คือมีความเห็นผิด โลกหน้าไม่มี สวรรค์
นรกไม่มี เทวดาไม่มี พรหมไม่มี สัตว์นรก เปตรไม่มี
ทานแล้วไม่มีผล รักษาศีลแล้วไม่มีผล ทำสมาธิภาวนาไม่มีผล คุณมารดา
ไม่มี คุณบิดาไม่มี ผู้ปฏิบัติบรรุมรรคผล ทำให้แจงซึงเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติไม่มี
ี
# วิมุติ อสัขตะ นิพพาน เป็นความหมายเดียวกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น