คนขุมื้อหนิมันทุกข์ย้อนคิดกำหนดหมายไปเอง...มันกะเลยทุกข์
คนขุมื้อหนิมันทุกข์ย้อนคิดกำหนดหมายไปเอง...
มันกะเลยทุกข์
........
พระอรหันต์เพิลบ่ถือมันเลยอาการกำหนดหมายจั่งใด๋กะเด้ย ภูมิธรรมเพิลกะเลยสามารถสิสอนคนอื่นว่า "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" แปลว่า ธรรมทั้งปวงอันบุคคลไม่ควรถือมั่น
........
และคนขุมื้อหนิทุกข์เพราะปรุงแต่งอารมณ์ความสุขใส่ใจบ่เป็น (อารมณ์ความสุขกะคือสติปัฏฐาน๔)
แต่ปรุงแต่งอารมณ์ความทุกข์ใส่ใจ (อารมณ์ความทุกข์กะคือนิวรณ์๕)
พระสัมมาสัมพุทธะ เพิลสอนให้ละอกุศล
คือให้ละโดยการรู้ก่อนว่ามันคืออะไร เรียกว่าญาตปริญญา
เมื่อรอบรู้ในทุกข์แล้ว
ก็ให้รอบรู้ลึกลงไปอีก ว่ามีเหตุมาจากผัสสะตัวไหน
จากการเห็นแล้วต่อจากนั้นก็มีโมหะความหลง คือหลงปรุงแต่งทุกข์เผาใจนี้หรอ
หรือ
จากการได้ยินเสียงแล้วต่อจากนั้นก็มีโมหะความหลง คือหลงปรุงแต่งทุกข์เผาใจนี้หรอ
หรือจากการได้กลิ่นแล้วต่อจากนั้นก็มีโมหะความหลง คือหลงปรุงแต่งทุกข์เผาใจนี้หรอ
หรือจากการได้รู้รสชาติแล้วต่อจากนั้นก็มีโมหะความหลง คือหลงปรุงแต่งทุกข์เผาใจนี้หรอ
หรือจากการได้รู้โผฏฐัพพะ(อะไรมาถูกกายนิดๆหน่อยหรือแรงๆ)แล้วต่อจากนั้นก็มีโมหะความหลง คือหลงปรุงแต่งทุกข์เผาใจนี้หรอ
หรือจากการได้รู้ธัมมารมณ์ (เรื่องราวเหตุการในอดีต มันปุ๊บขึ้นมาทางใจ แล้วต่อจากนั้นก็มีโมหะความหลง คือหลงปรุงแต่งทุกข์เผาใจนี้หรอ
เมื่อรู้ว่า มันทุกข์เพราะมีเหตุมาจากผัสสะข้อไหน
ก็เรียกว่าเสร็จกิจในข้อ #ตรีรณะปริญญา
ต่อไปเป็นปหานะปริญญา
คือเมื่อรู้แล้วว่าทุกข์มันเกิดจากอวิชชาสัมผัสข้อไหน
ข้อเห็นรูป หรือข้อได้ยินเสียง หรือข้อได้กลิ่น หรือข้อได้รู้รสชาติ หรือข้อรู้โผฏฐัพพะ หรือข้อรู้ธัมมารมณ์ ก็ทำการละทุกข์ทิ้งเสียด้วยอริยะมรรคมีองค์แปด เช่น เดินจงกลม ,ทำสมาธิ , ก็คือทำกรรมฐานข้อไหนก็ได้ตามที่ถูกจริต มีให้เลือกตั้ง ๔๐ ข้อ บางท่านว่ากรรมฐานมีมากกว่าสี่สิบ
ทั้งนี้เพราะเขาอาจทำวิธีที่ไม่ใช่ในข้อกรรมฐานสี่สิบ จึงกล้าพูดว่ามีมากกว่าสี่สิบ
โดยร่วมแล้วก็คือ เพื่อให้เซาหลงปรุงแต่งกระแสนิวรณ์๕ เพราะกระแสนิวรณ์๕พระพุทธเจ้าตรัสว่ามันคืออกุศลที่แท้จริง โลภโกธหลง ราคะโทสะ ก็รวมอยู่ในนั้น
แล้วให้ปรุงแต่งกระแสที่เป็นศีลสมาธิปัญญา
เบื้องต้นคือกระแสหยุดกายทุจริจ วจีทุจริต
แล้วต่อจากนั้นก็ขึ้นมาที่ปรุงกระแสมโนสุจริตแทนมโนทุจริต อันได้แก่อุปจาระสมาธิ อัปนาสมาธิ และขึ้นมาที่ กระแสคล้อยตามเห็นตามว่ามันไม่เที่ยง มันทนอยู่ในสภาวะเดิมไม่ได้ มันบังคับบัญชาไม่ได้
ธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่อาจลงไปมีอำนาจในขันธะสันดานของคนที่ไม่มีสัมมาศรัทธา ไม่มีสัมมาวิริยะ ไม่มีสัมมาสติ ไม่มีสัมมาสมาธิ ไม่มีสัมมาปัญญา
เหมือนคำหลวงปู่มั่นว่า
"แม้จะป้อนให้ก็เหมือนสาดน้ำใส่หลังหมา หมามันย่อมสบัดน้ำนั่นทิ้ง"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น