ยิ่งมาออกกำลังกาย ยิ่งได้บุญถ้าออกกำลังกายเป็นจะได้บุญกุศลดังนี้คือ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
เพจFacebook : คนรักสุขภาพกายสุขภาพใจ ไม่เครียดส่งเสริมให้ออกกำลังกาย
เพจFacebook : คนรักสุขภาพกายสุขภาพใจ ไม่เครียดส่งเสริมให้ออกกำลังกาย
ยิ่งมาออกกำลังกาย ยิ่งได้บุญ
ถ้าออกกำลังกายเป็นจะได้บุญกุศล
ดังนี้คือ มีสติเห็น ร่างกายเคลื่อนไหว ด้วยใจที่เป็นกลาง เห็นร่างกายเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าไม่ใช่เราเคลื่อนไหว แต่เป็นเพียงผู้รู้ความเคลื่อนไหวของกาย
มีสติเห็น ร่างกายเดินฯลฯ
ธรรมะ
แค่มีสติ เห็น ร่างกายเดิน = เกิดกุศลแล้ว
แค่มีสติ เห็น ร่างกายเคลื่อนไหว = เป็นกุศลแล้ว
แค่มีสติ เห็น ร่างกายทรงท่านั่ง = ได้บุญกุศลแล้ว
แค่มีสติ เห็น ร่างกายทรงท่านอน = เป็นกุศล
แค่มีความระลึกรู้เห็นว่า ร่างกายกำลังเดิน ได้บุญกุศลแล้ว
สรุปความจาก อิริยาบรรพะ
ด้วยความหวังดีเจตนาดีจาก เพจ : "คนรักสุขภาพกายสุขภาพใจไม่เครียด ส่งเสริมให้ออกกำลังกาย
อนาคตก็ยังอยู่ในส่วนของอนาคต
เราไม่สามารถเร่งให้มันมาเกิดในปัจจุบันได้
อนาคตบางอย่างเราปราถนา
อนาคตบางอย่างเราไม่ปราถนา
_________________________
อนาคตที่เราปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้น่าพอใจ
ก็มีความดิ้นรนอยากจะให้พรุ่งนี้เร็วๆ จนเป็นทุกข์ในปัจจุบัน เพราะไม่สามารถให้อนาคตคือพรุ่งนี้มาอยู่ในปัจจุบันในวันนี้ได้
_________________
อนาคตที่เราไม่ปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้ไม่น่าพอใจ
ก็มีความเศร้าโศกใจหวาดหวั่นเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งๆที่เป็นเรื่องของอนาคต จะหวาดหวั่นก็ไม่ได้อะไร
แทนที่จะตั้งสติหยุดลงในวินาที ณ ปัจจุบันนี้ รู้สึกทั่วถึงกาย ว่ากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออกอยู่
ออกจากโลกของความคิดเสียได้ชั่วแว๊บหนึ่งก็ยังดี
เพื่อพักผ่อนจิตให้สบาย สงบจากความคิดเสียก่อน
แล้วจึงโน้มจิตพิจารณาแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆ
สิ่งทั้งปวงสามารถแก้ได้ โดยเฉพาะนิสัยของจิตนี้ "แต่จะไปแก้นิสัยให้ผู้อื่นนั้นยากกว่าแก้นิสัยจิตตนเอง"
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็ไม่สามารถแก้นิสัยทางจิตให้แก่ผู้อื่นหรือใครได้ ดังเช่นพระเทวทัต ฯ พระโกกาลิกะ ฯ สุนักขตะ ฯ เป็นต้น แต่พระพุทธองค์ทรงมีพระอุบายให้เขาแก้เอง ให้เขาแก้จิตของเขาเอง โดยประทานวิธีแก้ให้ คือมรรคา อันเป็นที่ต้องปฏิบัติดำเนินทางจิตเอง โดยแก้จิตให้มัน สั่งกายจูนกายให้เป็นกายสุจริต
สั่งวาจาจูนวาจาให้เป็นวาจาสุจริต
สั่งใจจูนใจให้เป็นมโนสุจริต ให้ประกอบพร้อมด้วยสัมมาทิฏฐิแล้วจะตรัสรู้เอง สมกับคำว่า "ตถาคต เป็นแต่เพียงผู้บอกทาง พวกเธอจงไปดำเนินจิตให้บริสุทธิเอง"
การชอบออกกำลังกาย ก็เป็นนิสัยของจิต ผู้ที่ไม่ชอบออกกำลังกายก็สามารถเปลี่ยนนิสัยให้ชอบออกกำลังกายได้
โดยการเริ่มวันนี้ แค่สักเหนื่อยเบาะๆหนึ่ง แล้วครั้งต่อไปร่างกายจะเริ่มปรับร่างกายเอง ความเหนื่อยก็จะหายไป กลายเป็นอุปจาระสมาธิ
คนที่ชอบออกกำลังกาย ความจริงเขามีความสุขกับอุปจาระสมาธิ
เพราะขณะที่วิ่งออกกำลังกาย หรือเดินออกกำลังกาย จนได้ที่แล้ว จิตจะมีอุปจาระสมาธิเกิดขึ้น ทำให้มีความสงบสบายใจ
เรียกว่าภาวะจิตกลายเป็นเทวดาไปแล้ว
เพราะเทวดาชั้นกามาวจรภูมิ ก็ทรงอุปจาระสมาธิ
ดังนั้นการออกกำลังกาย จึงเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และจิตใจ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น